นิทานพลิกชีวิต : พ่อลูกผู้โชคร้าย

มีพ่อลูกคู่หนึ่ง อาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง พ่อลูกคู่นี้ยากจนมากไม่มีสมบัติใดๆเลยนอกจากกระต๊อบเก่าๆเล็กๆหนึ่งหลัง พร้อมกับม้าอีก 1 ตัว ผู้คนในหมู่บ้านต่างก็วิพากษ์วิจารณ์พ่อลูกคู่นี้ว่าโชคร้ายจริงๆ ไม่มีสมบัติอะไรเลย 

อยู่มาวันหนึ่งม้าที่พ่อลูกคู่นี้มีอยู่ก็เกิดพยศวิ่งหนีเข้าป่าไป ชาวบ้านที่รู้ข่าวก็พากันวิพากษ์วิจารณ์อีกว่า ช่างโชคร้ายซ้ำซ้อนจริงๆ จนแทบไม่มีอะไรอยู่แล้ว ม้าก็ยังหนีไปอีก

ผ่านไป 1 อาทิตย์ ปรากฏว่าม้าหนุ่มตัวนั้นก็กลับมา แต่มันได้พาฝูงม้าป่ากลับมาด้วยหลายตัวเลย ทำให้พ่อลูกคู่นี้สามารถสร้างเป็นฟาร์มม้าได้เลยทีเดียว ชาวบ้านรู้ข่าวเข้า ก็พากันมาวิพากษ์วิจารณ์อีกว่า พ่อลูกคู่นี้ช่างโชคดีจริงๆเลย

อยู่มาวันหนึ่งคนลูกก็อยากจะขี่ม้าป่าที่เป็นม้าหนุ่มเพราะเห็นว่ามันแข็งแรงดี แต่เนื่องจากมันเป็นม้าป่า มันก็พยศ ทำให้เด็กหนุ่มตกลงมาขาหัก ชาวบ้านได้รู้ข่าวก็พากันมาวิพากษ์วิจารณ์อีกว่าช่างโชคร้าย มันเป็นทุกขลาภจริงๆเลย

อยู่มาไม่นานก็เกิดสงครามขึ้น ก็มีการเกณฑ์ชายหนุ่มในหมู่บ้านไปออกรบ แต่ชายหนุ่มได้รับการยกเว้นเพราะว่าพิการขาหักไปร่วมรบไม่ได้ ชาวบ้านรู้ข่าวก็พากันมาวิพากษ์วิจารณ์อีกว่าช่างโชคดีจริงๆ ที่ไม่ต้องไปตายในสนามรบ ได้อยู่กับพ่อที่บ้านอย่างมีความสุขและปลอดภัย

นิทานเรื่องนี้มันสอนให้รู้ว่า โชคดีหรือโชคร้ายใครเป็นคนกำหนด… มันไม่ได้เกิดขึ้นเพราะปากใคร มันอยู่ที่ว่าเราจะให้ความหมายกับเรื่องนั้นๆว่าอย่างไรต่างหาก ถ้าหากเราบอกว่าเราโชคดี ต่อให้ใครว่าอย่างไรมันก็ไม่มีผลกับเราถ้าเราไม่รับมันมาใส่ใจ

จริงๆแล้วเรื่องราวต่างๆที่เรามองว่ามันคือปัญหา หรืออุปสรรคแท้จริงแล้วมันอาจเป็นบททดสอบเพื่อให้เราแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม เป็นเศรษฐีหรือมหาเศรษฐีในวันข้างหน้าก็ได้ เพราะคนที่ร่ำรวยเกิดจากการที่เขาแก้ปัญหาอะไรบางอย่างได้ ยิ่งปัญหายากเท่าไหร่ ช่วยเหลือผู้คนได้มากเท่าไหร่เขาย่ิงจะได้ค่าตอบแทนที่มากขึ้นตาม